บทนำ ผู้หญิงในฝัน


บทนำ

สาวิตรฝันอีกแล้ว..ฝันซ้ำๆ ซากๆ ที่ไม่เคยรู้สึกเบื่อ หากแต่ให้ความสุขลึกๆ ภายในและอยากฝันต่อเสมอมา

ผู้หญิงคนนั้น คนที่ปรากฏกายในความฝันครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนแรกดูรางเลือนเหมือนยืนอยู่ในม่านหมอก แต่นานไป ภาพนั้นก็ชัดเจนขึ้น เธอมีเรือนร่างบางระหง ผิวขาวนวล ผมดำขลับเกล้ามวย พันไว้ด้วยมาลัยดอกมะลิสีขาว ยามร่างที่นุ่งผ้าซิ่นยาวกรอมเท้าเยื้องย่างนั้น ช่างดูนุ่มนวลอย่างประหลาด

บางครั้งเธออยู่ท่ามกลางไม้ใหญ่เขียวชอุ่ม บางครั้งด้านหลังของเธอเป็นวัดโบราณที่ดูไม่คุ้นตา..

นี่เขาฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่งและเมืองไทยบ้านเกิด ตอนที่หลับอยู่ ณ แดนไกลถึงนครซิดนีย์ ออสเตรเลียเลยหรือ..สาวิตรเคยคิด

หลายครั้งเขาเห็นดวงหน้านั้นถนัด ดวงหน้าเรียวรูปไข่ ที่ริมฝีปากอิ่มสีชมพูเรื่อๆ ดูเหมือนจะส่งยิ้มให้เขา จนดวงตาดำใหญ่เป็นประกายระยิบระยับ

เธอคือใครกันหนอ...แม้นเธอเป็นเพียงภาพฝัน แต่ก็เป็นความฝันที่ทำให้เขาไม่อยากตื่นขึ้นมาในหลายครั้ง

วันนี้เธอดูแปลกไป ผมที่เคยเกล้ามวยกลางศีรษะ ถูกรวบเป็นมวยกลมไว้ด้านหลัง ผ้าซิ่นยาวกลับกลายเป็นโจงกระเบนทะมัดทะแมง อกอิ่มพันไว้ด้วยผ้าแบบตะเบงมาน มือเรียวบางกำดาบไว้ทั้งสองมือ

ทันใดนั้น แขนเรียวทั้งสองข้างนั้นก็ตวัดดาบขึ้น พร้อมเยื้องย่าง สะบัดซ้ายขวาหน้าหลัง เป็นท่วงท่าเข้มแข็งทว่านุ่มนวลไปพร้อมๆ กัน

งามเหลือเกิน...เขาจ้องภาพนั้นอย่างไม่วางตา นี่คือการรำดาบสินะ.. แต่ทันใด ภาพที่เห็นกลับแปรเปลี่ยนเป็นอีกภาพ ราวหนังเปลี่ยนฉาก ท่ามกลางฝุ่นคละคลุ้ง ผู้คนจำนวนหนึ่งประดาบกันราวเอาเป็นเอาตาย ประกายไฟวาบขึ้นจากคมดาบกระทบกันเป็นระยะ ทุกสิ่งดูสับสนวุ่นวาย หญิงงามคนนั้นกำลังตกอยู่ในวงล้อมของชายฉกรรจ์ถึง 4 คน เธอยกดาบขึ้นรับการฟาดฟันอย่างไม่ปรานีของชายทั้งสี่ พร้อมกับถอยหลังไปเรื่อยๆ เธอกำลังเพลี่ยงพล้ำและอ่อนล้าเต็มทีแล้ว..

สาวิตรรู้สึกใจเต้นระทึก อยากช่วยเธอให้รอดพ้นเหลือเกิน ทำอย่างไรดีหนอ แล้วเขาก็เห็นภาพชายคนหนึ่งถือดาบตรงดิ่งไปยังกลุ่มคนทั้งสี่ที่กำลังรุมฟาดฟันผู้หญิงคนนั้น

เมื่อเห็นหน้าถนัด...นั่นมันตัวเขาเองนี่ ตัวเขาจริงๆ แต่ยังไม่ทันที่จะได้จัดการกับเหล่าหมาหมู่ ภาพนั้นก็จางคลายไปอีก กลับเป็นภาพใหม่ปรากฏขึ้นมา

ชายใบหน้าคมเข้ม ร่างสูงสง่าคนหนึ่งปรากฎกายขึ้น เขาสวมเสื้อ นุ่งผ้าโจงกระเบนทับกางเกง สวมกำไลต้นแขนและข้อมือ เกล้าผมสูง สวมกรอบตรงหน้าผาก

ชายคนนั้นมองตรงมาที่เขา

“ท่าน...” เขาอุทานออกมาได้เพียงนั้น

“ท่าน ท่าน ท่านเป็นใครหรือ” สาวิตรระล่ำระลัก

“เราชื่อ..พ่อขุนบางกลางหาว” ร่างสูงสง่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท ทว่าน่าเกรงขาม

นั่นคือคำตอบที่ได้รับ ก่อนภาพนั้นจะค่อยๆ เลือนหายไป

“กลับมาก่อน กลับมา ได้โปรด ได้โปรดช่วยนางด้วย...” สาวิตรพยายามตะโกนออกไป แต่ทุกสิ่งมีแต่ความว่างเปล่า เงียบสนิท

พ่อขุนบางกลางหาว...ใครกันหรือ ชื่อแปลกจัง เขารำพึงอยู่ในความเงียบนั้น



 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น