บทที่ 8
ภาพของพระองค์ท่านปรากฏในมโนสำนึก ทรงประทับนั่งบนตั่ง วงพระพักตร์เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาเช่นเคย ยังความผ่อนคลายให้แก่จิตใจเศร้าหมองหดหู่ของสาวิตรหลังรับรู้เรื่องราวในอดีตของตนเองเป็นที่ยิ่ง ใจหนึ่งก็คิดว่า อยากหยุดการล่วงรู้อันแสนพิสดารพันลึกไว้แต่เพียงเท่านี้ เพราะเพียงเริ่มต้น การสูญเสีย ภาพคมดาบที่แทงทะลุร่างผู้ปกป้องเขาอย่างเลือดเย็นต่อหน้าต่อตาก็ทำให้ใจของเขารู้สึกหนักเกินจะรับไหวเสียแล้ว
“เจ้ายังจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องราวในอดีตต่อไป อย่าเพิ่งเบื่อหน่ายแลเกรงกลัวเลย เพราะเป็นทางเดียวที่จักทำให้เจ้าเข้าใจเรื่องราวทั้งหลาย แล้วทำการใหญ่ได้ ในเมื่อเจ้ามิอาจรำลึกชาติของตนเอง จักรู้ได้เยี่ยงไรว่า จักต้องทำการใดบ้าง” พระองค์ท่านตรัสราวกับแทงทะลุปรุโปร่งลงไปในใจของสาวิตรเฉกเช่นที่เคยเป็นมา จนสาวิตรได้แต่ตอบเสียงอ่อยๆ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นว่า
“ครับ”
“ในกาลครั้งนั้น คนไทยโดนขอมกุมเหงเช่นนี้ นับร้อยนับพันปี ข้าเองต้องวางตัวประหนึ่งสวามิภักดิ์ต่อผู้เป็นใหญ่แห่งมัน แล้วเร่งรวมกำลังคนไทยขับไล่ การนั้นจักลุล่วงได้ ข้ามิอาจกระทำเพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยไพร่พลชาวไทยผู้มีจิตใจเฉกเช่นเดียวกับข้าแลพี่ข้า เจ้าเองก็เป็นผู้หนึ่ง ข้าจึงต้องติดตามเจ้ามาในกาลนี้”
สาวิตรแหงนหน้าขึ้นมองพระพักตร์ คนอย่างเขานี่นะ จะเป็นนักรบได้ ให้ไปเป็นพ่อครัวในกองทัพคงพอแล้วมั้ง ในใจยังนึกถามถึงผู้ที่ท่านกล่าวว่าเป็น “พี่ข้า” พระองค์ท่านก็แย้มสรวลและตรัสตอบทันที
“พ่อขุนผาเมือง”